วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สอนเด็กโรงเรียน วัดกระบังมังคลาราม

วัดกระบังมังคลาราม
                 วัดกระบังมังคลาราม เปิดให้มีการเรียนและการสอบพระปริยัติธรรม แผนก นักธรรม (พระภิกษุ-สามเณร) และ ธรรมศึกษา (ฆราวาส ชาวบ้านทั่วไป) โดยแบ่งเป็น ๓ ระดับชั้นขึ้นมา คือ ชั้นตรี ชั้นโท และชั้นเอก  โดยนักเรียนที่สอบได้จะได้รับใบประกาศนียบัตร เพื่อเป็นหลักฐานและเกียรติประวัติต่อไป


ภาพกำลังสอน ธรรมศึกษา ชั้นตรี


ภาพกำลังสอน ธรรมศึกษา ชั้นโท


ภาพกำลังสอน ธรรมศึกษา ชั้นเอก


ภาพ  สอบธรรมศึกษา







หลักสูตรเรียนธรรมศึกษา ชั้นตรี-ชั้นโท-ชั้นเอก ประกอบด้วย ๔ วิชา คือ
http://www.kr.ac.th/e-book/thamma/index.html  ๑. วิชาเรียงความแก้กระทู้ธรรม 
 ธรรมศึกษาชั้นตรี 
ใช้หนังสือพุทธศาสนสุภาษิต เล่ม ๑
ในชั้นนี้ กำหนดขอบข่ายการออกข้อสอบไว้ ๕ หมวด คือ
 ๑) ทานวรรค
 ๒) ศีลวรรค
 ๓) สติวรรค
 ๔) ปาปวรรค
 ๕) ปุญญวรรค 

 ธรรมศึกษาชั้นโท 
ใช้หนังสือพุทธศาสนสุภาษิต เล่ม ๒
ในชั้นนี้ กำหนดขอบข่ายการออกข้อสอบไว้ ๕ หมวด คือ
 ๑) อัตตวรรค
 ๒) กัมมวรรค
 ๓) ขันติวรรค
 ๔) ปัญญาวรรค
 ๕) เสวนาวรรค 

 ธรรมศึกษาชั้นเอก
ใช้หนังสือพุทธศาสนสุภาษิต เล่ม ๓
ในชั้นนี้ กำหนดขอบข่ายการออกข้อสอบไว้ ๕ หมวด คือ
 ๑) จิตตวรรค
 ๒) ธรรมวรรค
 ๓) วิริยวรรค
 ๔) สามัคคีวรรค
 ๕) อัปปมาทวรรค
  ๒. วิชาธรร
 ธรรมศึกษาชั้นตรี   

หมวดธรรมที่กำหนดให้เรียน  

ทุกะ หมวด ๒  
 ธรรมมีอุปการะมาก ๒  
 ธรรมเป็นโลกบาล ๒  
 ธรรมอันทำให้งาม ๒  
 บุคคลหาได้ยาก ๒  

ติกะ หมวด ๓  
 รตนะ ๓  
 คุณของรตนะ ๓  
 โอวาทของพระพุทธเจ้า ๓  
 ทุจริต ๓  
 สุจริต ๓  
 อกุศลมูล ๓  
 กุศลมูล ๓  
 สัปปุริสบัญญัติ ๓  
 บุญกิริยาวัตถุ ๓  

จตุกกะ หมวด ๔  
 วุฒิ ๔  
 จักร ๔  
 อคติ ๔  
 ปธาน ๔  
 อธิษฐานธรรม ๔  
 อิทธิบาท ๔  
 ควรทำความไม่ประมาทในที่ ๔ สถาน  
 พรหมวิหาร ๔  
 อริยสัจ ๔  
ปัญจกะ หมวด ๕  
 อนันตริยกรรม ๕  
 อภิณหปัจจเวกขณ์ ๕  
 ธัมมัสสวนานิสงส์ ๕  
 พละ ๕  
 ขันธ์ ๕  
ฉักกะ หมวด ๖  
 คารวะ ๖  
 สาราณิยธรรม ๖  
สัตตกะ หมวด ๗  
 อริยทรัพย์ ๗  
 สัปปุริสธรรม ๗  
อัฏฐกะ หมวด ๘  
 โลกธรรม ๘  
 
ทสกะ หมวด ๑๐  
บุญกิริยาวัตถุ ๑๐  
คิหิปฏิบัติ  
จตุกกะ  
 ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ๔  
 สัมปรายิกัตถประโยชน์ ๔  
 มิตตปฏิรูป ๔  
 มิตรแท้ ๔  
 สังคหวัตถุ ๔  
 ธรรมของฆราวาส ๔  
ปัญจกะ  
 มิจฉาวณิชชา ๕  
 สมบัติของอุบาสก ๕  
ฉักกะ  
 ทิศ ๖  
 อบายมุข ๖  


 
 ธรรมศึกษาชั้นโท 

หมวดธรรมที่กำหนดให้เรียน  


ทุกะ หมวด ๒  
 กัมมัฏฐาน ๒
 กาม ๒
 บูชา ๒
 ปฏิสันถาร ๒
 สุข ๒  (กายิกสุข - เจตสิกสุข)


ติกะ หมวด ๓  
 อกุศลวิตก ๓
 กุศลวิตก ๓
 อัคคิ ๓
 อธิปเตยยะ ๓
 ญาณ ๓  (สัจจญาณ )
 ตัณหา ๓
 ปาฏิหาริยะ ๓
 ปิฎก ๓
 พุทธจริยา ๓
 วัฏฏะ ๓
 สิกขา ๓


จตุกกะ หมวด ๔  
 อปัสเสนธรรม ๔
 อัปปมัญญา ๔
 พระอริยบุคคล ๔
 โอฆะ ๔
 กิจในอริยสัจ ๔
 บริษัท ๔
 บุคคล ๔
 มรรค ๔
 ผล ๔

ปัญจกะ หมวด ๕  
 อนุปุพพีกถา ๕
 มัจฉริยะ ๕
 มาร ๕
 เวทนา ๕

ฉักกะ หมวด ๖  
 จริต ๖
 ธรรมคุณ ๖
สัตตกะ  หมวด ๗  
 วิสุทธิ ๗
อัฏฐกะ  หมวด ๘  
 อวิชชา ๘
นวกะ  หมวด ๙  
 พุทธคุณ ๙
 สังฆคุณ ๙
ทสกะ  หมวด ๑๐  
 บารมี ๑๐
ทวาทสกะ  หมวด ๑๒  
 กรรม  ๑๒  


 
 ธรรมศึกษาชั้นเอก   

หมวดธรรมที่กำหนดให้เรียน  
  
หนังสือธรรมวิจารณ์ 
 
ส่วนปรมัตถปฏิปทา 
 
 
 
นิพพิทา 
 
 ปฏิปทาแห่งนิพพิทา 
 
 สังขาร 
 
 อนิจจลักขณะ 
 
 ทุกขลักขณะ 
 
 อนัตตลักขณะ 
 

วิราคะ 
 
 ไวพจน์แห่งวิราคะ 
 
 วิมุตติ 
 
 วิมุตติ ๒ 
 
 วิมุตติ ๕ 
 
 วิสุทธิ 
 
 วิปัสสนาญาณ ๙ 
 
 วิสุทธิ อีกบรรยายหนึ่ง 
 
 วิสุทธิ ๗ 
 
 สันติ 
 
 ปฏิปทาแห่งสันติ 
 
นิพพาน 
 
 มติแห่งลัทธิภายนอก 
 
 มติข้างพระพุทธศาสนา 
 
 นิพพานธาตุ ๒ 
 
 บาลีแสดงปฏิปทาแห่งนิพพาน 
 
 บาลีแสดงสอุปาทิเสสนิพพาน 
 
 บาลีแสดงอนุปาทิเสสนิพพาน 
 
 บาลีแสดงนิพพานทั้ง ๒ บรรยาย 
 
 บาลีใช้ ปรินิพพาน หมายอนุปาทิเสส 
 
 บาลีใช้ ปรินิพพุต แทนปรินิพพาน 
 
 มติปรารภพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ 
 
 ปฏิปทาแห่งนิพพาน 
 
หนังสือสมถกัมมัฏฐาน 
 
หัวใจสมถกัมมัฏฐาน 
 
 กายคตาสติ 
 
 เมตตา 
 
 พุทธานุสสติ 
 
 กสิณ 
 
 จตุธาตุววัตถานะ 
 
สมถภาวนา 
 
 พระพุทธคุณ 
 
หนังสือธรรมสมบัติ 
 
 หมวดที่ ๑๐  วิปัสสนากัมมัฏฐาน 




 ๓. วิชาพุทธประวัติ



 ธรรมศึกษาชั้นตรี 

หมวดธรรมที่กำหนดให้เรียน
 พุทธประวัติ รวมกับวิชาศาสนพิธี เล่ม ๑


 ธรรมศึกษาชั้นโท 
หมวดธรรมที่กำหนดให้เรียน
 วิชาอนุพุทธประวัติ รวมกับวิชาศาสนาพิธี เล่ม ๒
กำหนดให้เรียนประวัติของพระสาวก จำนวน ๔๐ องค์ คือ

๑.  พระอัญญาโกณฑัญญเถระ
๒.  พระอุรุเวลกัสสปเถระ
๓.  พระสารีบุตรเถระ
๔.  พระโมคคัลลานเถระ
๕.  พระมหากัสสปเถระ
๖.  พระมหากัจจายนเถระ
๗.  พระโมฆราชเถระ
๘.  พระราธเถระ
๙.  พระปุณณมันตานีบุตรเถระ
๑๐.  พระกาฬุทายีเถระ
๑๑.  พระนันทเถระ
๑๒.  พระราหุลเถระ
๑๓.  พระอุบาลีเถระ
๑๔.  พระภัททิยเถระ
๑๕.  พระอนุรุทธเถระ
๑๖.  พระอานนทเถระ
๑๗.  พระโสณโกฬิวิสเถระ
๑๘.  พระรัฐบาลเถระ
๑๙.  พระปิณโฑลภารทวาชเถระ
๒๐.  พระมหาปันถกเถระ
๒๑.  พระจูฬปันถกเถระ
๒๒.  พระโสณกุฏิกัณณเถระ
๒๓.  พระลกุณฏกภัททิยะ
๒๔.  พระสุภูติเถระ
๒๕.  พระกังขาเรวตเถระ
๒๖.  พระโกณฑธานเถระ
๒๗.  พระวังคีสเถระ
๒๘.  พระปิลินทวัจฉเถระ
๒๙.  พระกุมารกัสสปเถระ
๓๐.  พระมหาโกฏฐิตเถระ
๓๑.  พระโสภิตเถระ
๓๒.  พระนันทกเถระ
๓๓.  พระมหากัปปินเถระ
๓๔.  พระสาคตเถระ
๓๕.  พระอุปเสนเถระ
๓๖.  พระขทิรวนิยเรวตเถระ
๓๗.  พระสีวลีเถระ
๓๘.  พระวักกลิเถระ
๓๙.  พระพาหิยทารุจีริยเถระ
๔๐.  พระพากุลเถระ

 ธรรมศึกษาชั้นเอก 

หมวดธรรมที่กำหนดให้เรียน
 พุทธานุพุทธประวัติ



 ๔. วิชาวินั

 ธรรมศึกษาชั้นตรี

หมวดธรรมที่กำหนดให้เรียน
 เบญจศีล - เบญจธรรม

 ธรรมศึกษาชั้นโท 
หมวดธรรมที่กำหนดให้เรียน
 อุโบสถศีล

 ธรรมศึกษาชั้นเอก 
หมวดธรรมที่กำหนดให้เรียน
 กรรมบถ หรืออาคาริยวินัย 



ภาพ เสนาสนะก่อนยังไม่บูรณะ ของวัดกระบังมังคลาราม




ภาพ โบสถ์ ขนาดกว้า้ง 10 เมตร ยาว 18 เมตร


ถาพ ศาลา ขนาดกว้า้ง 12 เมตร ยาว 18 เมตร


ภาพ   โรงเรียนปริยัติธรรม ขนาดกว้า้ง 10 เมตร ยาว 10 เมตร


ภาพกุฎิขนาดกว้า้ง 4 เมตร ยาว 8 เมตร


ภาพลานบาตร ขนาดกว้า้ง 3เมตร ยาว 5 เมตร


ภาพหอสวดมนต์ขนาดกว้า้ง 10 เมตร ยาว 18 เมตร


ภาพศาลาการเปรียญ

ภาพโรงเรียนปริยัติธรรม


ภาพ ศาลาเตือนใจ


ภาพ ศาลา


ภาพ  กุฎิหลังใหญ่


ภาพ  โบสถ์


ภาพ  โรงเรียนปริยัติธรรม



ภาพ โบสถ์วัดกระบังมังคลาาม




ภาพ เจดีย์

ภาพ พุทธาภิเษก ณ วัดกระบังมังคลาราม

พุทธาภิเษก คือ  พิธีในการปลุกเสกพระพุทธรูปหรือวัตถุมงคล   โดยมีพระเถระผู้เชี่ยวชาญในการทำสมาธิจำนวนหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า คณะปรก นั่งภาวนาส่งกระแสจิตเพ่งคุณพระรัตนตรัยเข้าไปสู่องค์พระหรือวัตถุมงคลนั้น 
มีการพุทธาภิเษก เมื่อ...........................................












วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สงกรานต์วัดกระบังมังคลาราม

สงกรานต์

เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณคู่มากับประเพณีตรุษ จึงมีการเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึงประเพณีส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ คำว่าตรุษเป็นภาษาทมิฬ แปลว่าการสิ้นปี

พิธีสงกรานต์

เป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นในสมาชิกในครอบครัว หรือชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียง แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปสู่สังคมในวงกว้าง และมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทัศนคติ และความเชื่อไป ในความเชื่อดั้งเดิมใช้สัญลักษณ์เป็นองค์ประกอบหลักในพิธี ได้แก่ การใช้น้ำเป็นตัวแทน แก้กันกับความหมายของฤดูร้อน ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ใช้น้ำรดให้แก่กันเพื่อความชุ่มชื่น มีการขอพรจากผู้ใหญ่ การรำลึกและกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ในชีวิตสมัยใหม่ของสังคมไทยเกิดประเพณีกลับบ้านในเทศกาลสงกรานต์ นับวันสงกรานต์เป็นวันครอบครัว ในพิธีเดิมมีการสรงน้ำพระที่นำสิริมงคล เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่มีความสุข 
ปัจจุบันมีพัฒนาการและมีแนวโน้มว่าได้มีการเสริม จนคลาดเคลื่อนบิดเบือนไป เกิดการประชาสัมพันธ์ในเชิงการท่องเที่ยวว่าเป็น ‘Water Festival’ เป็นภาพของการใช้น้ำเพื่อแสดงความหมายเพียงประเพณีการเล่นน้ำ

การที่สังคมเปลี่ยนไป มีการเคลื่อนย้ายที่อยู่เข้าสู่เมืองใหญ่ และถือวันสงกรานต์เป็นวัน "กลับบ้าน" ทำให้การจราจรคับคั่งในช่วงวันก่อนสงกรานต์ วันแรกของเทศกาล และวันสุดท้ายของเทศกาล เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง นับเป็นปรากฏการณ์ทางสังคม ที่เกิดขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงหลายด้านของสังคม นอกจากนี้ เทศกาลสงกรานต์ยังถูกใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งต่อคนไทยและต่อนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
ตำนานนางสงกรานต์
ตามจารึกที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กล่าวตามพระบาลีฝ่ายรามัญว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีคนหนึ่ง รวยทรัพย์แต่อาภัพบุตร ตั้งบ้านอยู่ใกล้กับนักเลงสุราที่มีบุตรสองคน วันหนึ่งนักเลงสุราต่อว่าเศรษฐีจนกระทั่งเศรษฐีน้อยใจ จึงได้บวงสรวงพระอาทิตย์ พระจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐานอยู่กว่าสามปี ก็ไร้วี่แววที่จะมีบุตร อยู่มาวันหนึ่งพอถึงช่วงที่พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ เศรษฐีได้พาบริวารไปยังต้นไทรริมน้ำ พอถึงก็ได้เอาข้าวสารลงล้างในน้ำเจ็ดครั้ง แล้วหุงบูชาอธิษฐานขอบุตรกับรุกขเทวดาในต้นไทรนั้น รุกขเทวดาเห็นใจเศรษฐี จึงเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ ไม่ช้าพระอินทร์ก็มีเมตตาประทานให้เทพบุตรองค์หนึ่งนาม "ธรรมบาล" ลงไปปฏิสนธิในครรภ์ภรรยาเศรษฐี ไม่ช้าก็คลอดออกมา เศรษฐีตั้งชื่อให้กุมารน้อยนี้ว่า ธรรมบาลกุมาร และได้ปลูกปราสาทไว้ใต้ต้นไทรให้กุมารนี้อยู่อาศัย

ต่อมาเมื่อธรรมบาลกุมารโตขึ้น ก็ได้เรียนรู้ซึ่งภาษานก และเรียนไตรเภทจบเมื่ออายุได้เจ็ดขวบ เขาได้เป็นอาจารย์บอกมงคลต่าง ๆ แก่คนทั้งหลาย อยู่มาวันหนึ่ง ท้าวกบิลพรหม ได้ลงมาถามปัญหากับธรรมบาลกุมาร 3 ข้อ ถ้าธรรมบาลกุมารตอบได้ก็จะตัดเศียรบูชา แต่ถ้าตอบไม่ได้จะตัดศีรษะธรรมบาลกุมารเสีย ท้าวกบิลพรหมถามธรรมบาลกุมารว่า ตอนเช้าศรีอยู่ที่ไหน ตอนเที่ยงศรีอยู่ที่ไหน และตอนค่ำศรีอยู่ที่ไหน ทันใดนั้นธรรมบาลกุมารจึงขอผัดผ่อนกับท้าวกบิลพรหมเป็นเวลา7วัน

ทางธรรมบาลกุมารก็พยายามคิดค้นหาคำตอบ ล่วงเข้าวันที่ 6 ธรรมบาลกุมารก็ลงจากปราสาทมานอนอยู่ใต้ต้นตาล เขาคิดว่า ขอตายในที่ลับยังดีกว่าไปตายด้วยอาญาท้าวกบิลพรหม บังเอิญบนต้นไม้มีนกอินทรี 2 ตัวผัวเมียเกาะทำรังอยู่ นางนกอินทรีถามสามีว่า พรุ่งนี้เราจะไปหาอาหารแห่งใด สามีตอบนางนกว่า เราจะไปกินศพธรรมบาลกุมาร ซึ่งท้าวกบิลพรหมจะฆ่าเสีย ด้วยแก้ปัญหาไม่ได้ นางนกจึงถามว่า คำถามที่ท้าวกบิลพรหมถามคืออะไร สามีก็เล่าให้ฟัง ซึ่งนางนกก็ไม่สามารถตอบได้ สามีจึงเฉลยว่า ตอนเช้า ศรีจะอยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุก ๆ เช้า ตอนเที่ยง ศรีจะอยู่ที่อก คนจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก ส่วนตอนเย็น ศรีจะอยู่ที่เท้า คนจึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน ธรรมบาลกุมารก็ได้ทราบเรื่องที่นกอินทรีคุยกันตลอดจึงจดจำไว้

ครั้นรุ่งขึ้น ท้าวกบิลพรหมก็มาตามสัญญาที่ให้ไว้ทุกประการ ธรรมบาลกุมารจึงนำคำตอบที่ได้ยินจากนกไปตอบกับท้าวกบิลพรหม ท้าวกบิลพรหมจึงตรัสเรียกธิดาทั้งเจ็ดอันเป็นบาทบาจาริกา พระอินทร์มาประชุมพร้อมกัน แล้วบอกว่า เราจะตัดเศียรบูชาธรรมบาลกุมาร ถ้าจะตั้งไว้ยังแผ่นดิน ไฟก็จะไหม้โลก ถ้าจะโยนขึ้นไปบนอากาศ ฝนก็จะแล้ง ถ้าจะทิ้งในมหาสมุทร น้ำก็จะแห้ง จึงให้ธิดาทั้งเจ็ดนำพานมารองรับ แล้วก็ตัดเศียรให้นางทุงษะ ผู้เป็นธิดาองค์โต จากนั้นนางทุงษะ ก็อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมเวียนขวารอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที แล้วเก็บรักษาไว้ในถ้ำคันธุลี ในเขาไกรลาศ

จากนั้นมาทุก ๆ 1 ปี ธิดาของท้าวกบิลพรหมทั้ง 7 ก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำหน้าที่อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหม แห่ไปรอบเขาพระสุเมรุ เป็นเวลา 60 นาที แล้วประดิษฐานตามเดิม ในแต่ละปีนางสงกรานต์ แต่ละนางจะทำหน้าที่ผลัดเปลี่ยนกันตามวันมหาสงกรานต์ ดังนี้

1.
ถ้าวันอาทิตย์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม ทุงษะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราช ภักษาหารอุทุมพร (ผลมะเดื่อ) พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จมาบนหลังครุฑ
2.
ถ้าวันจันทร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม โคราคะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกปีบ อาภรณ์แก้วมุกดา ภักษาหารเตลัง (น้ำมัน) พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังพยัคฆ์ (เสือ)
3.
ถ้าวันอังคารเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม รากษสเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกบัวหลวง อาภรณ์แก้วโมรา ภักษาหารโลหิต พระหัตถ์ขวาทรงตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายทรงธนู เสด็จมาบนหลังวราหะ (หมู)
4.
ถ้าวันพุธเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มณฑาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย พระหัตถ์ขวาทรงเข็ม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังคัทรภะ (ลา)
5.
ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิริณีเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภักษาหารถั่วงา พระหัตถ์ขวาทรงขอช้าง พระหัตถ์ซ้ายทรงปืน เสด็จมาบนหลังคชสาร (ช้าง)
6.
ถ้าวันศุกร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิมิทาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำ พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จมาบนหลังมหิงสา (ควาย)
7.
ถ้าวันเสาร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มโหธรเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จมาบนหลังมยุรา (นกยูง)
กิจกรรมวันสงกรานต์ ในวัดกระบังมังคลาราม







วัดกระบังมังคลาราม