วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ซ่อมโบสถ์ วัดกระบังมังคลาราม

ภาพโบสถ์ที่จะบูรณปฏิสังขรณ์

ได้ทำการบูรณ์ปฏิสังขรณ์เมื่อวันที  ๒๕  ธันวาคม ๒๕๕๔
















พิธียกช่อฟ้า วัดกระบังมังคลาราม เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ 

            "ช่อฟ้า" มีความหมายถึง ช่อที่ยื่นขึ้นไปบนท้องฟ้า เป็น "นัย" แห่งการบูชาพระรัตนตรัยและปวงเทพเจ้าบนสวรรค์ชั้นฟ้าประการหนึ่ง 

               นอกจากนี้ "ช่อฟ้า" ยังเป็นเครื่องสูงที่อยู่สูงสุดในงานสถาปัตยกรรมไทย ที่ประกอบด้วย ช่อฟ้า รวยระกา ใบระกา นาคสะดุ้งหรืองวงไอยรา และหางหงส์ ซึ่งรวมเรียกว่า "เครื่องลำยอง" เป็นกรอบประดับหน้าบัน อันหมายถึงวิมานแห่งทวยเทพ เนื่องด้วยองค์พระตถาคตสัมมาสัมพุทธเจ้า และองค์พระมหากษัตริยาธิราช ล้วนแล้วแต่ยังมีพระภาคหนึ่งเป็นเทพเจ้าตามคติแต่โบราณอีกด้วย 

              ช่อฟ้าของสยาม มักพบลักษณะเป็นกิ่งหรือช่อเดียวยื่นขึ้นไปบนฟ้าเหนือสันหลังคา ดูโดยรวมมีลักษณะเป็นหางพญานาคพันกันเหนือตัวอาคาร ก่อนที่จะแยกเป็นตัวนาคเลื้อยลงมาตามชายขอบของหน้าบัน ก่อนจะผงกเศียรนาคตั้งขึ้นบริเวณเชิงชายด้านล่างเรียกว่า หางหงส์ 

                 สาเหตุที่ช่างแต่โบราณจินตนาการชุดเครื่องลำยองเป็นรูป "นาค" เนื่องจากคติที่ว่าพญานาคมีความเกี่ยวพันกับพระพุทธศาสนามาแต่อดีตกาล และรับหน้าที่ปกป้องดูแลพระพุทธศาสนา เช่น พญานาคนามมุจลินทร์ที่แผ่พังพานปกป้องพระพุทธเจ้ามิให้ฝนต้องพระกายา จนกลายเป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก จึงนิยมนำรูปนาคมารายล้อมพระอุโบสถและศาสนสถานเพื่อคุ้มครองพระศาสนา 
ช่อฟ้าในสยามนั้นจะแบ่งตามรูปลักษณะและมีชื่อเรียกหลายประเภท เช่น ช่อฟ้าปากนก ช่อฟ้าปากปลา ช่อฟ้าหางปลา ช่อฟ้ารูปเทพเทวา เป็นต้น โดยเฉพาะช่อฟ้าปากนกนั้นมีลักษณะอกงอนคล้ายปากนกโบราณ จะอัญเชิญประดับเฉพาะวัดหลวงและอาคารสถาปัตยกรรมอันเกี่ยวเนื่องกับสถาบันกษัตริย์เท่านั้น 















               "ช่อฟ้า" ถือเป็นของสูง ด้วยนอกจากจะอยู่สูงสุดเหนือองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมใดๆ แล้ว ยังเป็นเครื่องหมายแห่งการครบองค์ประกอบทางอาคารสำคัญของศาสนา เนื่องจากหากยังทำโครงสร้างอื่นไม่เสร็จก็จะยกช่อฟ้าไม่ได้ นอกจากนั้นด้วยลักษณะแห่งการเป็นหางพญานาคจึงเป็นเครื่องหมายแห่งการปกป้องคุ้มครองและขับไล่หมู่มารของพระศาสนา ดังนั้น คนไทยแต่โบราณจึงถือกันว่าการบุญยกช่อฟ้าเป็นการบุญอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ ถือกันมาแต่อดีตว่าผู้ประกอบด้วยบุญญาธิการสูงส่งเท่านั้นจึงจะยกช่อฟ้าได้ มิฉะนั้นก็จะต้องใช้วิธีร่วมบุญ บรรดาสาธุชนจึงร่วมกันเป็นหมู่เหล่าเพื่อให้บุญนั้นมากพอที่จะยกช่อฟ้าได้ และโดยเฉพาะพระอารามหลวงจะหาโอกาสได้ร่วมบุญยกช่อฟ้าเรียกได้ว่ายากเต็มที 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น